สวัสดีค่ะ ห่างหายไปหลายวัน เนื่องจากมีธุระสำคัญ พอจะเขียนอีกทีก็เลยมีเรื่องมากมายอยากจะเล่าให้เพื่อน ๆ ฟัง สุดท้ายเลยคิดว่าตอนนี้เพื่อน ๆ คงมีแผนจะเดินทางไปญี่ปุ่นกันไม่ใช่น้อย เพราะว่าไหนจะปิดเทอม หรือไม่ก็สงกรานต์ ก็เลยจะขอแนะนำเรื่อง “ออนเซ็น” ต่อสักหน่อย
ญี่ปุ่นมีออนเซ็นเยอะมาก ทั้งแบบธรรมดาสุด ๆ ไปจนถึงอลังการสุด ๆ ชอบแบบไหน หรืออ่านรีวิวแบบไหนแล้วถูกใจก็ไปกันตามอัธยาศัย ส่วนผู้เขียนชอบแบบที่ต้องเดินทางไกล ๆ หน่อย เพราะชอบการเดินทางด้วยวิธีต่าง ๆ ในญี่ปุ่น ทั้งทางรถไฟ รถบัส ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน เราจะมีโอกาสได้เห็นวิวสองข้างทางที่แสนจะสวยงาม และได้เห็นภาพความเป็นอยู่ของ “ชาวบ้าน” ญี่ปุ่นจริง ๆ แค่นั่งมองสองข้างทาง จิบน้ำชายี่ห้อที่ออกใหม่จากตู้กดอัตโนมัติ กับผลไม้สดชุ่มฉ่ำที่แอบซื้อก่อนขึ้นรถไฟ (เดี๋ยวจะบอกว่าซื้อที่ไหนนะคะ) แค่นี้เผลอแป๊บเดียวก็ถึงที่หมายแล้ว การได้นั่งทอดอารมณ์ชมวิวที่ผ่านมาในสายตา ทำให้เกิดเป็นสุนทรียภาพอย่างนึงได้เหมือนกัน โดยเฉพาะพอเป็นวิวข้างทางของญี่ปุ่น ทำให้เรารู้สึกมีความสุขแบบสงบนิ่งจริง ๆ
ถ้าเพื่อน ๆ ชอบการนั่งรถไฟเที่ยวเอง คราวต่อ ๆ ไปจะนำมาเล่าให้ฟัง เพราะผู้เขียนชอบนั่งรถไฟไปโน่นมานี่ บางทีไม่มีจุดหมายนั่งไปเรื่อย ๆ พอเห็นสถานีไหนมีชื่อที่ใช้ตัวอักษรคันจิ (ตัวอักษรญี่ปุ่นที่คล้ายอักษรจีน) แปลก ๆ ก็ลงไปเดินเล่นดูว่ามีอะไรบ้าง ที่สำคัญ การเดินทางโดยรถไฟนั้นมีเสน่ห็ก็ตรง “ข้าวกล่องรถไฟ” นี่ล่ะ ที่ทำให้เราเลือกการเดินทางด้วยรถไฟทุกครั่งแม้จะต้องเสียเวลายาวนานกว่าเครื่องบิน หรืออาจจะยุ่งยากกว่ารถบัสหรือรถยนต์ก็ตาม พอพูดไปพูดมาก็อยากจะเล่าให้ฟังไปเสียหมด แต่เอาไว้ครั้งหน้า ๆ นะคะ
ช่วงนี้ เดือนมีนาคม ก็ยังถือได้ว่าเหมาะที่จะไปออนเซ็น จริง ๆ แล้วก็ไปกันได้เกือบทั้งปี ยกเว้นตอนฤดูร้อน ที่อาจจะไม่ค่อยได้บรรยากาศจากธรรมชาติเท่าไรนัก เพราะไม่ค่อยมีสีสันให้นั่งแช่ชมวิวเหมือนตอนฤดูหนาวก็ดูหิมะ ฤดูใบไม้ผลิก็ดูซากุระ ฤดูใบไม้ร่วงก็ดูใบไม้เปลี่ยนสี แต่สำหรับคนที่ชอบออนเซ็นก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีที่ไป เรายังใช้บริการออนเซ็นที่มนุษย์สร้างขึ้นได้ ก็ได้บรรยากาศเหมือนไปสปา เก๋ไปอีกแบบ สถานที่ลักษณะนั้นก็เช่น Ooedo Onsen Monogatari ที่ Odaiba หรือ Nagomi no Yu ที่ Ogikubo หรือไม่ก็กระเถิบไปอีกนิดเป็นออนเซ็นเปิดใหม่ชื่อว่า Keio Takaosan Onsen Gokurakuyu ทั้งสามแห่งนี้ อยู่ไกลจากใจกลางเมือง ถ้านับว่าเดินทางจากชินจูกุ ก็ไม่มีที่ไหนที่ใช้เวลาเกิน 60 นาทีเลย
เริ่มจาก Ooedo Onsen Monogatari ที่ Odaiba ถ้าเบื่อความคึกคักแนว Shinjuku, Shibuya, Harajuku, Ikebukuro แล้วล่ะก็ เราอาจจะปลีกตัวมา Odaiba สักวัน เพราะที่นี่นอกจากจะมีแหล่งช้อปปิ้งที่ไม่อยู่ห่างกันมากนัก ยังมีบรรยากาศโล่งกว้าง เพราะติดทะเล แถมมีวิวยามค่ำคืนที่สวยงามอีกด้วย เอาไว้ผู้เขียนจะเล่าเรื่อง Odaiba ต่างหาก ให้ฟังกันอีกที ติดเอาไว้ก่อน (อีกแล้ว)
ถ้าเรามาจาก Shinjuku ก็นั่ง JR Saikyo Line มาเปลี่ยนเป็น Rinkai Line ที่สถานี Osaki แล้วนั่งไปจนถึง Tokyo Teleport จากนั้นจะมีรถ shuttle bus ฟรีมารอรับ นั่งไปอีกแค่ 7 นาทีก็ถึงแล้ว
จุดเด่นของที่นี่คือไม่ได้เป็นแค่ออนเซ็น แต่เป็นเหมือน “งานวัด” ด้วย เพราะมีเกมส์ต่าง ๆ กิจกรรมให้เราเล่น รวมถึงมีสปาหลายแบบให้เลือก มีร้านอาหารญี่ปุ่นหน้าตาน่ากินอีก สรุปว่าใช้ชีวิตอยู่ที่นี่กันได้เลย และสำหรับสาว ๆ ก็สามารถเลือกชุดยูกาตะ เพื่อเปลี่ยนก่อนเข้าไปภายในบริเวณที่เขากำหนด ซึ่งมีให้เลือกตั้ง 9 แบบ และที่นี่ก็เปิดตั้งแต่ 11:00จนถึง 9:00 ของเช้าอีกวัน เรียกว่าอยู่กันข้ามวันข้ามคืนก็ได้ สมัยก่อนโน้น เวลาจะตกรถไฟเราก็ไปสิงในคาราโอเกะ รอรถไฟเที่ยวแรกมา ตอนนี้ถ้าตกรถไฟอยู่แถวที่มีออนเซ็น ก็เข้าไปนอนแช่กันให้ตัวเปื่อยได้เลย เพราะที่นี่มีหลายบ่อ หลายแบบให้เลือก ทั้งในร่ม และแบบ open-air
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.ooedoonsen.jp/en/top/#onsen
ขอขอบคุณแหล่งที่มาของภาพ: http://japan-magazine.jnto.go.jp/en/1309_hotspring.html
Nagomi no Yu ที่ Ogikubo
ที่นี่อยู่ใกล้ชินจูกุมากถึงมากที่สุด นั่งรถไฟสาย JR Chuo Line Rapid Service แค่ 11 นาที ก็ถึงสถานี Ogikubo แล้วออกทาง West Exit
และที่สุดท้ายใกล้โตเกียวที่อยากเล่าถึงคือ Keio Takaosan OnsenGokurakuyu ขอเก็บไว้เป็นครั่งต่อไป เพราะกลัวจะยาวเกินไป จนเพื่อน ๆ หลับกันไปก่อน สวัสดีแบบอุ่น ๆ กันไปก่อนนะคะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น